11 ประเภทประกันภัย ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
ประกันภัยประเภทไหนที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องการ เราได้ยินคำถามนี้บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน นั่นเป็นเพราะประเภทของประกันภัยสำหรับธุรกิจขนาดเล็กนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่บริษัทของคุณทำและสถานะที่ธุรกิจของคุณดำเนินอยู่
หากไม่มีประกันภัยที่จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กแล้ว คุณอาจต้องยอมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นด้วยเงินจำนวนมากเกินกำลังสำหรับธุรกิจ SME ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจนั้นมักจะไม่มีทรัพยากรหรือเงินทุนที่เพียงพอสำหรับการดำเนินการเหล่านี้ สิ่งนี้คือสาเหตุสำคัญที่คุณควรทำประกันภัยเฉพาะทางสำหรับธุรกิจขนาดเล็กเอาไว้เพื่อปกป้องบริษัทของคุณเอง
1. ประกันภัยความรับผิดชอบทั่วไป (General Liability)
ประกันภัยความรับผิดชอบทั่วไปนั้นจะช่วยปกป้องธุรกิจของคุณจากการเรียกร้องที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกายหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินแก่ผู้อื่น ตัวอย่างเช่น หากมีลูกค้าที่เข้าร้านของคุณเกิดอุบัติเหตุ ความคุ้มครองนี้สามารถช่วยชำระค่ารักษาพยาบาลแทนคุณได้
เจ้าของธุรกิจ SME จำนวนมากทำประกันภัยความรับผิดทั่วไป ซึ่งรวมถึงการทำประกันภัยความรับผิดชอบต่อสินค้าของร้านด้วย สิ่งนี้จะช่วยปกป้องบริษัทจากการเรียกร้องการบาดเจ็บทางร่างกายหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน
2. ประกันภัยความรับผิดต่อวิชาชีพ (Professional Liability Insurance)
การประกันภัยความรับผิดต่อวิชาชีพจะช่วยครอบคลุมการเรียกร้องที่เกี่ยวกับความผิดพลาดในการบริการระดับมืออาชีพที่ธุรกิจของคุณมอบให้ลูกค้า สมมติว่าสำนักงานบัญชีของคุณทำงบการเงินให้ลูกค้าผิด หากลูกค้าเหล่านี้ฟ้องธุรกิจคุณ การประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพจะสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางกฎหมายแทนคุณได้ การประกันความเสี่ยงในความคุ้มครองนี้จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ ความคุ้มครองนี้เรียกอีกอย่างว่าการประกันข้อผิดพลาดและการละเว้นหรือประกัน E&O
3. ประกันคุ้มครองรายได้ของธุรกิจ (Business Income Coverage)
ประกันคุ้มครองรายได้ของธุรกิจหรือที่เรียกว่าประกันคุ้มครองการหยุดชะงักของธุรกิจสามารถช่วยทดแทนรายได้ที่สูญเสียไปหากคุณไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากมีความเสียหายต่อทรัพย์สินที่คุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน ซึ่งรวมถึงความเสียหายจากไฟไหม้ หายุ หรือการโจรกรรม โดยปกติแล้ว ประกันคุ้มครองธุรกิจหยุดชะงักนั้นมักมาคู่กับประกันภัยทรัพย์สิน เนื่องจากเป็นผลพวงที่สืบต่อเนื่องกัน เช่น หากคุณเปิดร้านกาแฟ แล้วโดยลมพายุทำให้ร้านกาแฟของคุณเสียหาย และทำให้ขาดรายได้จากการเสียหายครั้งนี้ต่อเนื่องมาอีกหลายเดือน เป็นต้น
4. ประกันภัยทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ (Commercial Property Insurance)
ประกันภัยทรัพย์สินเชิงพาณิชย์นั้นจะช่วยปกป้องอาคารและอุปกรณ์ที่คุณใช้ในการดำเนินงานที่คุณเป็นเจ้าของหรือเช่า ดังนั้นหากเกิดภัยพิบัติหรือมีคนบุกรุกเข้าไปในอาคารของคุณและขโมยทรัพย์ที่ทำประกันไว้อยู่ การประกันภัยทรัพย์สินเชิงพาณิชย์จะสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้
5. ประกันภัยการบาดเจ็บจากการทำงาน (Worker’s Compensation Insurance)
การประกันการบาดเจ็บจากการทำงานเป็นประกันที่ทำเพื่อมอบสวัสดิการให้แก่พนักงานที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน ตัวอย่างเช่น หากมีพนักงานในโรงงานที่ทำงานให้บริษัทได้รับสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายระหว่างการบวนการผลิตเป็นเวลานาน การประกันภัยประเภทนี้จะสามารถช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้นั่นเอง
6. ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Auto Insurance)
ประกันภัยรถยนต์เชิงพาณิชย์นั้นจะช่วยครอบคลุมความเสียหายของทรัพย์สินและการเรียกร้องการบาดเจ็บทางร่างกาย หากคุณหรือพนักงานประสบอุบัติเหตุขณะขับรถของบริษัทเพื่อทำธุรกิจ ดังนั้น ถ้าคุณหรือพนักงานของคุณใช้รถบริษัทแล้วประสบอุบัติเหตุ การประกันภัยชนิดนี้ก็จะสามารถช่วยชดใช้ค่าเสียหายได้
7. ประกันภัยการรั่วไหลของข้อมูล (Data Breach Insurance)
ประกันภัยการรั่วไหลของข้อมูลจะช่วยรับมือกับการรั่วไหลของข้อมูลบริษัทของคุณ เช่น ข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้สูญหายหรือถูกขโมย ซึ่งสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
การแจ้งให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบได้ทราบ
การรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อปรับปรุงชื่อเสียงของธุรกิจของคุณ
บริษัทประกันภัยบางแห่งอาจเรียกความคุ้มครองนี้ว่าประกันภัยความรับผิดทางไซเบอร์ (Cyber Liability Insurance)
8. ประกันภัยความรับผิดแบบครอบคลุม (Commercial Umbrella Insurance)
การประกันภัยความรับผิดแบบครอบคลุมนั้นเป็นการขยายข้อจำกัดของความรับผิดบางอย่างที่ครอบคลุมธุรกิจของคุณ ดังนั้น หากค่าสินไหมทดแทนที่ต้องชำระนั้นเกินขีดจำกัดของประกันภัยที่คุณทำเอาไว้ ประกันภัยความรับผิดแบบครอบคลุมก็จะสามารถช่วยครอบคลุมส่วนต่างนั้น ๆ ได้
9. ประกันภัยความรับผิดในการจ้างงาน (Employment Practices Liability Insurance)
การประกันภัยความรับผิดในการจ้างงาน หรือที่เรียกว่าการประกันภัยความรับผิดของนายจ้าง จะช่วยปกป้องธุรกิจของคุณจากการเรียกร้องที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ซึ่งรวมถึงข้อเรียกร้องเหล่านี้ได้แก่
การเลือกปฏิบัติต่อพนักงาน
การล่วงละเมิดทางเพศ
การเลิกจ้างอย่างผิดกฎหมาย
10. นโยบายเจ้าของธุรกิจ (Business Owner’s Policy)
นโยบายเจ้าของธุรกิจ (BOP) นั้นเป็นหนึ่งในประเภทของประกันภัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประกันภัยเหล่านี้ ได้แก่
ประกันภัยความรับผิดทั่วไป (General Liability Insurance)
ประกันภัยทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ (Commercial Property Insurance)
ประกันรายได้ธุรกิจ (Business Income Insurance)
11. ประกันภัยอันตราย (Hazard Insurance)
ประกันภัยอันตรายของธุรกิจขนาดเล็กเป็นอีกชื่อหนึ่งของประกันภัยทรัพย์สินทางการค้า มีไว้เพื่อช่วยปกป้องทรัพย์สินทางธุรกิจที่เป็นเจ้าของหรือเช่า เช่น อาคารหรืออุปกรณ์ของคุณ
ธุรกิจขนาดเล็กนั้นต้องการประกันความรับผิดหรือไม่?
คำตอบอย่างรวดเร็วคือใช่ ธุรกิจส่วนใหญ่นั้นต้องการการประกันภัยความรับผิด แต่ก็มีความคุ้มครองความรับผิดหลายประเภทให้ได้เลือก ซึ่งที่พบได้บ่อยที่สุดคือประกันความรับผิดทั่วไปและความรับผิดทางวิชาชีพ
การได้รับความคุ้มครองการประกันภัยธุรกิจที่เหมาะสมนั้นไม่ต่างจากการปกป้องบ้านของคุณด้วยประกันภัยสำหรับบ้าน ซึ่งเป็นการประกันความเสี่ยงที่หลาย ๆ คน หลาย ๆ ครัวเรือนเคยทำ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันภัยเชิงพาณิชย์ หรือการประกันธุรกิจที่คุณควรมี สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
เราสามารถช่วยให้คุณปรับแต่งกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจ SME ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุณต้องการ
ประกันภัยประเภทไหนที่ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจต้องการ?
เมื่อคุณเริ่มต้นสำหรับการประกอบธุรกิจแล้ว ความคุ้มครองประกันภัยที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคือ
ประกันภัยความรับผิดทั่วไป (General Liability Insurance)
ประกันภัยความรับผิดทางอาชีพ (Professional Liability Insurance)
ประกันภัยการบาดเจ็บจากการทำงาน (Worker’s Compensation Insurance)
ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการความคุ้มครองของธุรกิจของคุณ พิจารณาดูให้ดีว่าบริษัทของคุณทำเกี่ยวกับอะไร ต้องการประกันภัยสำหรับ SME รูปแบบใด
ธุรกิจ SME ทั้งหมดต้องการทำประกันธุรกิจหรือไม่?
หากคุณยังคงสงสัยว่า ธุรกิจขนาดเล็กนั้นต้องการ หรือจำเป็นที่จะต้องทำประกันภัยความเสี่ยงภัยสำหรับธุรกิจหรือไม่ คำตอบก็คือใช่ค่ะ ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ส่วนใหญ่ต้องการความคุ้มครองบางประเภทเพื่อป้องกันความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ เช่น
การบาดเจ็บทางร่างกาย (Bodily Injury)
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน (Property Damage)
อุบัติเหตุทางรถยนต์ (Car Accident)
การฟ้องร้องคดี (Lawsuit)
หากไม่มีความคุ้มครองเหล่านี้ คุณจะต้องเสียเงินออกจากกระเป๋าของคุณจากการเรียกร้องค่าเสียหายที่มีต่อธุรกิจของคุณ อาจก่อให้เกิดผลเสียทางการเงินอย่างรุนแรง ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดธุรกิจของคุณได้ เราให้ความคุ้มครองประกันภัยธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME มาเป็นเวลาหลายปี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองที่คุณต้องการ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของทางเราได้ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ
แปลและเรียบเรียงจาก : thehartford